เคลียร์ชัดทุกปัญหาผิวหลังคลอดบุตร สวยได้ไม่ยาก หากคิดดูแล Mommy Makeover

“เคลียร์ชัดทุกปัญหาหลังคลอดบุตร สวยได้ไม่ยาก หากคิดดูแล” น่าจะเป็นวลีที่ชวน คิดให้คุณแม่ลุกขึ้นมาปฎิวัติความงาม กันหรือหากถูกคนเอ่ยปากทักว่า มีลูกแล้วยังสวยอยู่เลย...!! บรรดาคนเป็นแม่คงชื่นอกชื่นใจกันไม่น้อย ที่ไม่ใช่ว่าจะสวย สะพรั่งกันเฉพาะวัยรุ่น หนุ่มสาวกันเพียงอย่างเดียวซะเมื่อไหร่ ฉะนั้นเรามีเทคนิกดี ๆ มาฝากกันที่จะมามอบให้คุณ แม่รับไปทั้งสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แถมยังพ่วงท้ายมาด้วยเรื่องของความสวย ความงามกันอีกด้วย

“แผลคีรอยด์” รอยแผลที่คุณแม่หลังคลอดประสบ

รอยแผลผ่าตัดหลังคลอดหรือที่เรียกว่า คีรอยด์ มักเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยไม่ว่าจะทางพันธุกรรมของผิว ความตึงของ แผล ส่วนใหญ่จะเป็นแนวตั้ง และแนวนอน(รอยขอบบิกินี่) ลักษณะของแผลจะเป็นการนูนที่มีเม็ดสีออกจะแดง มีความต่างจากพื้นผิวเดิม และการเย็บของแผลที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งการรักษาในปัจจุบันจะมีหลายแบบ อาทิ ฉีดสเตรียรอยด์ การใช้แผ่นซิลิโคนชีส เพื่อแปะป้องกัน หากรักษาแล้วไม่เห็นผลใด ๆ เลย จะเลือกใช้วิธีการแบบรังสีเอ็กซเรย์ นอกจาก นี้ยังมีการรักษาอื่นเช่น VASER , กลุ่มยาปรับเปลี่ยนลดปฎิกิริยาภูมิคุ้มกันของคนไข้ด้วย บางกรณีมักใช้หลายวิธีหรือ วิธีเดียวก็สามารถตอบสนองได้ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับรอยแผลของแต่ละบุคคลด้วย

รูปแบบการรักษา

-ฉีดสเตียรอยด์ เป็นอันดับแรกที่ทางแพทย์เลือกใช้รักษากันเพื่อลดแผลที่มีรอยนูนลง และดูเรียบขึ้น ระยะเวลา ในการเห็นผลประมาณ 1 – 2 เดือน แต่ถ้าฉีดแล้วการตอบสนองไม่ดี รอยแผลยังนูนมากอยู่ แพทย์จะทำการตกแต่ง แผลใหม่แล้วค่อยกลับมาฉีด สเตียรอยด์อีก พร้อมทั้งให้ทางคนไข้ติดแผ่นซิลิโคนร่วมด้วย หากเกิดรอยแผลนูน ที่มีขนาดขยายเพิ่มขึ้น แล้วมาให้ทาง แพทย์ฉีดสเตียรอยด์เกิดไม่ได้ผลตอบสนอง เราอาจจะ ใช้การผ่าตัดเพื่อขจัดแผล รอยนูนดังกล่าวนี้ ผลข้างเคียงของวิธีนี้ คืออาจจะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณข้าง ๆ ฝ่อลงได้ หรืออาจเป็นอันตราย ได้หากฉีดถูกเข้ากระแสเลือด แต่หากฉีดในตำแหน่ง แผลที่ถูกต้องย่อมถือว่ามีความปลอดภัยค่อนข้างสูง

-รังสีเอ็กซเรย์ทางแพทย์จะเลือกเป็นวิธีสุดท้ายที่ไม่ตอบสนองในผลของการรักษารอยแผลนั้นแล้วเนื่องจากการใช้ ปริมาณรังสีในปัจจุบันค่อนข้างมีน้อยและถือเป็นการรักษาที่ดีแต่ก็มีผลแทรกซ้อนตรงส่วนการฉายรังสีที่ีพบโอกาส เสี่ยงต่อมะเร็งได้ ผลลัพธ์ที่ได้ว่าเกือบ 90 %

-แผ่นซิลิโคนชีส เป็นการป้องกันมากกว่าการรักษา ถ้าแปะขณะที่แผลนูนแล้วจะไม่ได้ผล ทางที่ดีควรแปะช่วง ที่แผลหายแรก ๆ และยังไม่เกิดรอยนูนน่าจะเห็นผลที่ดีกว่า ซึ่งบางคนมีความเข้าใจว่า เมื่อเกิดรอยแผลที่นูนแล้ว นำมาแปะจะส่งผลให้เกิดการยุบตัวนั้นเป็นความคิดที่ผิด

-การผ่าตัด รักษาด้วยวิธีนี้ทางแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาโดยตรวจสอบประวัติแก่คนไข้ว่ามีการแพ้ยาชาหรือยาแก้อักเสบ และควรงดทานยาที่มีผลกระทบต่อการแข็งตัวของเลือดหรือผู้ที่มีภาวะโรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือไม่ หากแผลมีความ กว้าง อาจจะมีการดมยาสลบหรือหากคนไข้กังวลมากอาจมีการให้ทานยานอนหลับ วิธีการคือจะทำการเย็บแผลที่เป็น แนวตรงซ่อนรอยผิวหนัง และตัดไหมประมาณ 2 – 3 อาทิตย์ จากนั้นแพทย์ทำการพิจารณาว่าแผลเป็นอย่างไร หลังการ รักษาควรดูแลไม่ให้เกิดการนูนอีกโดยทำการตรวจแผลเดือนละครั้ง

Previous
Previous

โรคของหนังศรีษะและเส้นผมที่พบบ่อย

Next
Next

โรคผิวหนังในเด็ก ที่สามารถใช้เลเซอร์ในการรักษา