พาผิวไปเที่ยวเมืองหนาว ….. อย่างสบายใจ

ผิวแตก ระแหงเ มื่อเยือนเมืองหนาว

สำหรับคนที่ชอบเที่ยวหรือมีความจำเป็นต้องเดินทางไปยังต่างประเทศบ่อยๆ สิ่งหนึ่งที่จะต้องพบเจอคือ

สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งอากาศอันเป็นอีกปัจจัยสำคัญให้หลายต่อหลายคนมีปัญหาเรื่องผิวหนัง เนื่องด้วยเมืองไทยเป็นเมืองร้อน หากเราเดินทางไปในแถบประเทศเขตร้อนคงไม่มีปัญหาในเรื่องผิวมากนัก แต่ถ้าหากการเดินทางทริปนี้เป็นในถิ่นหนาว อวัยวะที่ปกคลุมและกว้างใหญ่ที่สุดในร่างกายหรือที่เราเรียกกันว่าผิวหนัง อาจเริ่มมีปัญหา ด้วยความชื้นสัมพันธ์ที่น้อยและอากาศแห้ง ผิวของเราจึงสูญเสียน้ำได้ง่าย ทำให้ผิวหนังแห้งหยาบ แตกเป็นขุย หากเกิดอาการไม่มากอาจทำให้รู้สึกรำคาญ หรือระคายเคืองป็นบางครั้ง แต่ถ้ายิ่งไปอยู่เมืองหนาวและยังอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นบ่อยๆ ผิวก็จะยิ่งแห้ง แสบ และคันมากขึ้น จนบางครั้งเกิดเป็นการอักเสบของผิวหนังหรือเรียกเป็นภาษาทางการแพทย์ว่า “XEROTIC ECZEMA” และยิ่งถ้าเกามากขึ้นก็อาจเกิดการติดเชื้อตามมาอีกด้วย ข้อแนะนำสำหรับการป้องกันเบื้องต้นในเรื่องผิวแห้งแตกนี้ คือควรดูแลจากทั้งภายนอกและภายใน จากภายนอกเช่นการทาครีมบำรุง หรือ ถ้าผิวแห้งมากก็ควรใช้น้ำมันมะกอก (Olive Oil) และไม่ควรอาบน้ำที่ร้อนเกิน 34 องศาเซลเซียส รวมทั้งบำรุงจากภายในเช่นการดื่มน้ำ และทานผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ ทั้งหมดก็จะช่วยลดอาการผิวแห้งดังกล่าวได้

เมื่อน้ำใสๆไม่ได้สะอาดอย่างที่ตาเห็น

น้ำในแต่ละประเทศแม้จะเป็นน้ำปะปาที่ผ่านกระบวนการการทำความสะอาดมาตามาตรฐานประเทศนั้นๆแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะมั่นใจได้ว่าสะอาดเหมาะกับการล้างหน้า รวมทั้งอย่างที่ได้บอกกล่าวไว้ข้างต้นว่าผิวเราในเมืองหนาวจะแห้งและระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติอยู่แล้ว ดังนั้นทั้งปัจจัยเรื่องความสะอาดของน้ำ และ ผิวที่บอบบางอาจทำให้ให้เกิดผดผื่นเห่อขึ้นบนหน้าได้ หากเป็นทริปไปเที่ยวแนะนำให้มองหาแหล่งซื้อน้ำสะอาดไว้ล้างหน้าสำหรับคนผิวพ้ง่าย และที่สำคัญอย่างที่ได้เน้นย้ำไปคือการทาครีมบำรุง Moisturizer เพื่อปรับสภาพผิวให้ชุ่มชื่นลดอาการระคายเคืองอันจะเกิดบนใบหน้า

เมื่อเสื้อกันหนาวไม่ค่อยเป็นมิตรกับผิว

คนเมืองร้อนอย่างเราๆท่านๆคงรู้สึกดีที่เกิดมาครั้งหนึ่งได้สวมเสื้อกันหนาว โค้ทยาว รองเท้าบูท เมื่อมีโอกาสมาเที่ยวเมืองนอก แต่ถ้าจะกล่าวไปเสื้อผ้าที่หนามากๆอาจะส่งผลไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่กับผิวใต้เสื้อผ้าที่สวมใส่ เสื้อกันหนาวโดยมากที่ทำจากฝ้าย ลินิน และ จำพวกหนังสัตว์หรือขนสัตว์ ซึ่งวัสดุต่างๆเหล่านี้ก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ทางผิวหนังได้เช่นกัน อาการที่เกิดมักจะมักจะเป็นผดเล็กๆ คัน หรือเป็นผื่นแดง แห้งลอก ในบริเวณที่สัมผัสกับเสื้อผ้าเหล่านั้น สำหรับผู้ที่มีอาการก็ควรหลีกเลื่ยงเสื้อผ้าชนิดนั้น และมองหาผ้าที่บางเบาแต่สามารถกันความหนาวเย็น (เสื้อผ้าแบบนี้ส่วนใหญ่จะมีขายเฉพาะเมืองในเขตหวาน บ้านเราเมืองร้อนอาจะต้องไปหาซื้อตอนไปเหยียบถิ่นโน้น)

นอกจากนี้ การดูแลทำความสะอาดเสื้อผ้า ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากไม่สะอาดและมีการหมักหมม ก็อาจเกิดปัญหาของการติดเชื้อรา กลากเกลื้อนตามมาได้เช่นกัน แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าทำความสะอาดเสื้อผ้าด้วยผงซักฟอกน้ำยาปรับผ้านุ่ม และ ซัก ล้างออกไม่หมดก็อาจเกิดปัญหาการระคายเคืองผิวเป็นผื่นแพ้ได้อีกเช่นกัน โดยเฉพาะบริเวณข้อพับแขนขาเอวรักแร้ หรือบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อยๆ จึงควรระวังเป็นพิเศษ กล่าวคือรักษาความสะอาดทั้งคน และเสื้อผ้าที่จะมาสัมผัสถูกผิวของเรา

ผดผื่น แดงๆ คันๆ ของฝากจากเมืองนอก

ต้องระวังเป็นพิเศษสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ เช่น ภูมิแพ้ในที่ที่อากาศแห้งและเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงฤดู ภูมิแพ้ละอองเกษร หญ้า วัชพืช ต้นไม้ หรือเชื้อราที่อยู่ในอากาศ ในเมืองหนาวปัจจัยการแพ้จากสาเหตุดังกว่าก็จะมีมากขึ้นกว่าปกติ แม้จะหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ก็สามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่งโดยการสวมเสื้อมิดชิดเมื่อออกไปเจอสภาพอากาศภายนอกอาคาร ในที่โล่ง เช่น สนามหญ้าหรือสวนสาธารณะ เพราะสำหรับผู้เป็นภูมิแพ้ต่อสารเหล่านี้ แม้สัมผัสในจำนวนเล็กน้อย ก็ทำให้เกิดอาการแพ้ และผิวหนังอักเสบได้โดยง่าย โดยจะมีอาการผื่นแดงผิวแห้งลอกบริเวณใบหน้า , คอ และส่วนของร่างกายที่โพล่พ้นเสื้อผ้า (Allergic Contact Dermatitis ) ดังนั้นอาจจะต้องปฏิบัติอย่างที่หมอได้แนะนำไปคือใส่เสื้อผ้ามิดชิด และเมื่อมีผื่นในที่ต่างๆก็ไม่ควรเกาจนถลอก และปรึกษษแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉาะทางด้านผิวหนัง

การดูแลผิวพื้นฐานเมื่อต้องเผชิญกับอากาศหนาวเย็น นับเป็นอีกเรื่องจำเป็นที่นักเดินทางทั้งมืออาชีพ และมือสมัครเล่นควรรู้ และนำไปปฏิบัติให้ถูกวิธี ทั้งการรักษาความชุ่มชื้นของผิว การรักษาความสะอาดของตัวเองและเสื้อผ้า รวมถึงการใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่อาจก่อกวนผิว เช่นแต่งกายให้มิดชิดสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ เพียงเท่านี้ไม่ว่าจะทริปใหนๆก็เที่ยวสนุกได้อุ่นใจ มีความสุขทั้งการท่องเที่ยวและสบายใจไม่ต้องกังวลกับปัญหาสุขภาพผิวที่จะเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากบ้านเรา

Next
Next

กลูต้าไธโอน Vs. อนุมูลอิสระ