เปรียบเทียบการตรวจหาภูมิแพ้ชนิดต่างๆ

การตรวจหาภูมิแพ้มีหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็เหมาะสมกับอาการที่แตกต่างกันไป โดยการเลือกวิธีทดสอบที่เหมาะสมจะช่วยให้การตรวจและการรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่คือ เปรียบเทียบ 3 วิธีการตรวจหาภูมิแพ้ ที่นิยมใช้กัน: 

1. Skin Test 

  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีอาการคัดจมูก น้ำมูก ไอ จาม ลมพิษ หอบหืด แน่นหน้าอก คันตา ผื่น แพ้อาหาร แพ้ยา ท้องเสีย อาเจียน 

  • วิธีการทดสอบ: ใช้ปลายเข็มสะกิดผิวหนังที่ท้องแขนหรือหลังส่วนบนเพื่อลงน้ำยาทดสอบสารก่อภูมิแพ้ โดยรอประมาณ 15-20 นาทีเพื่อสังเกตผล ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจะถูกอ่านจากแพทย์ 

  • ข้อดี: ให้ผลเร็วภายใน 15-20 นาที 

  • ข้อเสีย: ต้องงดยาแก้แพ้ก่อนทดสอบเพื่อผลที่แม่นยำ 

  • ข้อควรระวัง: อาจเกิดการระคายเคืองหรือผื่นแดงจากการทดสอบ 

2. Blood Test 

  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีอาการคัดจมูก น้ำมูก ไอ จาม ลมพิษ หอบหืด แน่นหน้าอก คันตา ผื่น แพ้อาหาร แพ้ยา ท้องเสีย อาเจียน 

  • วิธีการทดสอบ: การเจาะเลือดประมาณ 5CC เพื่อทดสอบสารก่อภูมิแพ้ในเลือด ซึ่งสามารถตรวจสารภูมิแพ้ทั้งทางอากาศและอาหาร 

  • ข้อดี: ไม่จำเป็นต้องงดยาแก้แพ้ก่อนทดสอบ 

  • ข้อเสีย: ใช้เวลารอผลประมาณ 2 สัปดาห์ 

  • ข้อควรระวัง: มีความเสี่ยงจากการเจาะเลือดเล็กน้อย แต่เป็นวิธีที่ไม่ต้องสัมผัสผิวหนัง จึงปลอดภัยมากกว่าในบางกรณี 

3. Patch Test 

  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีอาการผื่นแพ้หรือผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส เช่น การแพ้จากเครื่องสำอาง ของใช้ เครื่องประดับ หรือสารเคมีในชีวิตประจำวัน 

  • วิธีการทดสอบ: แปะสารที่เป็นตัวก่อภูมิแพ้ลงบนผิวหนังที่หลังหรือท้องแขนและทิ้งไว้ 2 วัน จากนั้นจะต้องมีการนัดอ่านผลที่แพทย์เพื่อดูปฏิกิริยาผิว 

  • ข้อดี: เหมาะสำหรับการทดสอบการแพ้ที่เกิดจากการสัมผัส 

  • ข้อเสีย: ต้องงดยาสเตียรอยด์เพื่อให้ผลทดสอบแม่นยำ 

  • ข้อควรระวัง: อาจเกิดการระคายเคืองจากสารที่ใช้ทดสอบ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง 

ข้อแตกต่างของแต่ละวิธี 

  • เวลาที่ใช้: Skin Test ให้ผลเร็วที่สุด (15-20 นาที) ขณะที่ Blood Test ต้องใช้เวลานานกว่า (ประมาณ 2 สัปดาห์) ส่วน Patch Test ใช้เวลาทดสอบ 2 วัน แต่การอ่านผลอาจต้องใช้เวลานานขึ้น 

  • การงดยา: Skin Test และ Patch Test ต้องงดยาแก้แพ้หรือสเตียรอยด์เพื่อให้ผลทดสอบแม่นยำ แต่ Blood Test ไม่จำเป็นต้องงดยา 

  • ประเภทอาการ: Skin Test และ Blood Test เหมาะสำหรับตรวจภูมิแพ้ที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสทางอากาศหรืออาหาร ส่วน Patch Test จะเน้นไปที่การแพ้สัมผัสจากสารต่างๆ 

การเลือกวิธีตรวจภูมิแพ้ที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับอาการและประวัติการแพ้ของแต่ละบุคคล หากคุณสงสัยว่ามีอาการภูมิแพ้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจและเลือกวิธีการทดสอบที่ดีที่สุดสำหรับคุณค่ะ 

Previous
Previous

รู้จักไหม ยกกระชับหน้าชนิดต่างๆ

Next
Next

ประเภทของสิว