Vitiligo (ด่างขาว)
มาทำความรู้จักโรคด่างขาว
ด่างขาวนั้นไม่ใช่โรคร้ายแรงหรือโรคติดต่อ แต่กระทบกับรูปลักษณ์ ซึ่งสร้างความท้อใจให้แก่ผู้ที่เป็น แต่สำหรับบางคน เช่น ผิวขาวอยู่แล้วหรือไม่ได้กังวลใจ อาจจะไม่รักษาก็ได้เพียงแค่ดูแลตัวเองให้มากขึ้น โดยการใช้ครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่ให้เม็ดสีถูกทำรายมากยิ่งขึ้น หรืออาจเลือกใส่เสื้อผ้าหรือใช้เครื่องสำอางอำพราง เสริมความมั่นใจก็เป็นได้ แต่หากกังวลใจก็สามารถรักษาได้
อาการของโรคด่างขาว
ด่างขาว ลักษณะจะเป็นรอยด่างสีขาว อาจมีวงเดียวหรือหลายวง กระจายได้ทั่วตัว ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ ใบหน้า รอบปาก รอบดวงตา คอ มือ ปลายนิ้ว แขน ขา และในตำแหน่งที่มีการกระทบกระแทก ได้แก่ ข้อพับ เข่า ข้อมือ หลังมือ เป็นต้น
การรักษาโรคด่างขาว
ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจดูลักษณะของรอยโรค เพราะในบางจุดที่คนไข้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แพทย์สามารถใช้ไฟทางการแพทย์ (Wood lamp) ส่องดู ซึ่งหากพบจะได้รักษาอาการได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยมีวิธีการรักษาเพื่อกระตุ้นเม็ดสีกลับคืนมา ดังนี้
ยาทาเฉพาะที่ เช่น Corticosteroid, Tacrolimus และ Vitamin D Analogue กรณีที่เป็น อาจใช้เพียงยาทาอย่างเดียวได้
การฉายแสงอัลตราไวโอเลต (UV) Full Body ด้วยเครื่อง Full Body Phototherapy narrow band 311 nm. จะใช้เมื่อรอยด่างขาวเป็นบริเวณกว้าง ผลการรักษาจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งรอยโรค จำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ถ้าเป็นมากอาจต้องรักษาร่วมยาทา
การปลูกถ่ายเม็ดสี โดยนำเอาผิวหนังบริเวณที่มีสีผิวปกติมาผ่านในกระบวนการสกัดแยกเซลล์ในห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง เพื่อสกัดเอาเซลล์สีผิวไปปลูกถ่ายบริเวณที่เป็นรอยด่าง ซึ่งใช้ในกรณีที่รอยด่างขาวไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาและการฉายแสง
การใช้เลเซอร์ เช่น Excimer light 309 nm. ใช้ในบริเวณเล็กๆ เพื่อกระตุ้นเซลล์เม็ดสี ซึ่งต้องทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ต่อเนื่อง 24- 48 ครั้ง และรักษาร่วมกับยาทาเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
ในรายที่ลามไปทั้งตัว เหลือบริเวณผิวปกติน้อยอาจใช้วิธีฟอกสีผิวตรงตำแหน่งผิวปกติ เพื่อให้สีผิวขาวเท่าๆกับรอยโรค โดยใช้สารที่มีฤทธิ์ขัดขวางการสร้างสีผิว ทำให้สีผิวจางลงไม่เห็นเป็นรอยด่างดำ