ดื่มน้ำอย่างไร ให้ส่งผลดีต่อสุขภาพ
ดื่มน้ำเท่าไหร่ต่อวัน ถึงจะดีต่อสุขภาพ? 🥤
น้ำเป็นส่วนสำคัญต่อการทำงานของร่างกายในหลายด้าน เช่น
ช่วยลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปยังเซลล์ทั่วร่างกาย
ช่วยขับของเสียและแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะ
ส่งเสริมกระบวนการย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพ
ป้องกันภาวะท้องผูก
ช่วยรักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจให้สม่ำเสมอ
ทำหน้าที่เป็นตัวหล่อลื่นและรองรับแรงกระแทกของข้อต่อต่าง ๆ
ช่วยป้องกันการกระแทกของอวัยวะภายใน
ควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้อยู่ในระดับสมดุล
รักษาสมดุลของเกลือแร่ภายในร่างกาย
โดยทั่วไป ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีควรดื่มน้ำประมาณ 4–6 แก้วต่อวัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปตามอายุ โรคประจำตัว ยาที่รับประทาน และกิจวัตรประจำวันของแต่ละคน ทั้งนี้ยังไม่มีข้อกำหนดแน่ชัดว่า “แก้ว” ควรมีขนาดเท่าใด
การดื่มน้ำในปริมาณเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล แต่หากดื่มน้ำน้อยเกินไปอาจเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจมีอาการ เช่น เหนื่อยง่าย ความดันโลหิตต่ำ คลื่นไส้ หรือปัสสาวะมีสีเข้มขึ้น
โดยทั่วไปอาจประเมินได้ว่าควรดื่มน้ำประมาณ 2–3 แก้วต่อชั่วโมง และควรเพิ่มปริมาณในวันที่อากาศร้อนหรือมีกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากขึ้น แม้ว่าการดื่มน้ำจะมีประโยชน์ แต่ก็ควรระวังเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพราะอาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูง เกิดการอักเสบ หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วนได้
นอกจากนี้ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณมากอาจกระทบต่อการนอนหลับ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ควรจำกัดไม่เกิน 1–2 แก้วต่อวัน เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ
มีงานวิจัยหนึ่งจากประเทศเกาหลีพบว่า ผู้ที่บริโภคเครื่องดื่มที่มีแป้งหรือรสหวาน (เช่น ชานมไข่มุก) มีแนวโน้มที่จะดื่มน้ำเปล่าน้อยลง ดังนั้น ควรลดการดื่มเครื่องดื่มรสหวานและเลือกดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น เพื่อรักษาสุขภาพในระยะยาว 💧

