Mole(ไฝ)
การรวมกันเป็นกลุ่มของเซลล์ไฝ และมีการเพิ่มจำนวนขึ้นที่ผิวหนังชั้นตื้น และลึกทำให้นูนขึ้นมา ปัจจัยที่กระตุ้นให้ไฝเกิดเพิ่มขึ้นหรือชัดเจนขึ้น ได้แก่ การสัมผัสกับแสงแดด ฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น และการได้รับยาบางอย่าง เช่น กลุ่มสเตียรอยด์ ทั้งชนิดรับประทานหรือฉีด ลักษณะของไฝจะมีลักษณะนูนขึ้นมาจากผิวหนัง มีหลายชนิดตั้งแต่ไม่มีสี ไปจนถึงสีน้ำตาลหรือดำ ในกรณีที่มีสีแดง ไม่จัดว่าเป็นไฝ เพียงแต่เป็นกลุ่มเส้นเลือดเพิ่มจำนวนขึ้นเท่านั้น
การเอาไฝออกขึ้นอยู่กับความพึงพอใจส่วนบุคคลในเรื่องความสวยงาม ความเรียบเนียนของผิวพรรณ ในส่วนของแพทย์มักจะแนะนำให้เอาไฝออก เฉพาะเมื่อมีลักษณะที่บ่งชี้ว่า อาจจะกลายเป็นมะเร็งผิวหนังได้ โดยสังเกตจากการเปลี่ยนแปลง หากถ้าไฝโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ลักษณะสีเปลี่ยนแปลงไป สีไม่สม่ำเสมอ มีเลือดออก มีการอักเสบ เจ็บปวด หรือขอบเขตของไฝไม่เรียบ
การกำจัดไฝ ไม่ใช่เรื่องยาก วิธีการมีด้วยกันหลายวิธี แต่ปัจจุบันวิธีที่ได้รับความนิยมและจัดว่าปลอดภัย ก็คือ การใช้เลเซอร์รักษา หรือการรักษาโดยการผ่าตัด
การใช้เลเซอร์ นิยมทำในกรณีที่ไฝมีขนาดไม่ใหญ่มาก ซึ่งเลเซอร์ที่ใช้ในการกำจัดไฝ คือ CO2 โดย ก่อนเลเซอร์แพทย์จะทายาชาบริเวณที่จะรักษา ต้องรอเวลายาชาออกฤทธิ์นานประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง หรืออาจฉีดยาชาเฉพาะที่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ การใช้เลเซอร์สามารถทำได้ทีละหลายๆ เม็ด โดยไม่จำกัดจำนวน หลังทำเลเซอร์เสร็จแล้ว แพทย์จะทายาป้องกันการติดเชื้อ และติดพลาสเตอร์ใสไว้ เพื่อป้องกันการสัมผัสน้ำ 1 วันหลังทำ เมื่อแกะพลาสเตอร์ออกและสามารถสัมผัสน้ำได้ และทายาป้องกันการติดเชื้อ ประมาณ 7 วัน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแดดโดยตรง เนื่องจากอาจทำให้แผลดำคล้ำขึ้น แต่ถ้าจะใช้ครีมกันแดดทา ควรกระทำหลังจากแผลหายเป็นปกติแล้ว และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบริเวณแผลเลเซอร์ หรือแผลผ่าตัด จนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ
การผ่าตัด วิธีนี้แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่รอบบริเวณไฝแล้วจึงตัดออก จากนั้นก็จะเย็บปิดแผล โดยใช้เวลาประมาณ 1/2 ชั่วโมง แผลเป็นที่เกิดจากรอยเย็บเป็นเพียงรอยผ่าเส้นเล็กๆ และจะค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลาการผ่าตัดจะใช้ได้ดีสำหรับไฝที่มีขนาดใหญ่ เพราะสามารถตัดได้ลึกเพื่อเอาไฝออกได้ทั้งหมด และหลังผ่าตัดห้ามแผลสัมผัสกับน้ำจนกว่าจะตัดไหม ซึ่งแพทย์จะนัดตัดไหมประมาณ 5-10 วัน หลังการตัดออก