รังสีอัลตราไวโอเลต ศัตรูร้ายทำลายผิว

รังสีอัลตราไวโอเลต ศัตรูร้ายทำลายผิว 

ประเทศไทยเป็นเมืองร้อนที่เต็มไปด้วยแสงแดดแรงตลอดปี โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ชั้นบรรยากาศโลกบางลง และเกิดรูรั่วในชั้นโอโซน (Ozone Hole) ทำให้รังสีอันตรายจากแสงแดดสามารถส่องถึงผิวเราได้ง่ายและรุนแรงขึ้น 

รังสีอัลตราไวโอเลต ทำร้ายผิวอย่างไร? 

แม้แสงแดดจะมีประโยชน์ต่อร่างกายในช่วงเช้า แต่ในช่วงเวลาระหว่าง 10.00 น. ถึง 15.00 น. แสงแดดจะมีความเข้มข้นสูงและอันตราย โดยเฉพาะในฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงมิถุนายน รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จะเริ่มทวีความรุนแรง แม้ท้องฟ้าจะมีเมฆมาก รังสีก็สามารถทะลุผ่านเมฆลงมาได้ 

รังสี UV มี 3 ชนิดหลัก 

  • UVC: รังสีที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด แต่โชคดีที่ส่วนใหญ่ถูกกรองโดยชั้นโอโซน จึงไม่ทำอันตรายกับผิวโดยตรง 

  • UVA: ทำให้ผิวคล้ำและเปลี่ยนสีหลังตากแดดประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ไม่ทำให้ผิวไหม้ 

  • UVB: รุนแรงที่สุด ทำให้เกิดฝ้า กระ ผิวเหี่ยวย่น แสบร้อน บวมแดง หรือ “Sunburn” ซึ่งเป็นอาการแพ้แดดที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพและแก่เร็ว 

 การเลือกใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้อง 

สิ่งสำคัญในการปกป้องผิวคือการเลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสม โดยดูที่ค่า SPF (Sun Protection Factor) ซึ่งหมายถึงระยะเวลาที่ครีมกันแดดช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด เช่น SPF 15 หมายความว่าปกป้องผิวได้ 15 เท่าของเวลาปกติ 

ครีมกันแดดแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก: 

  • กลุ่มสะท้อนแสง (Protection by Reflection) 
    มีส่วนผสมเช่น ซิงก์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และ ไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) เนื้อครีมจะขุ่นหรือสีทึบ สามารถป้องกันรังสีทุกชนิดได้ดี 

  • กลุ่มดูดซับพลังงานแสง (Protection by Absorption) 
    เป็นครีมกันแดดแบบเคมี เช่น พาบา (PABA), พาร์ซอล (Parsol) ที่มีลักษณะใส ทำหน้าที่ดูดซับแสงไม่ให้ผ่านผิวหนัง 

 เลือก SPF อย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง? 

  • ถ้าเป็นสาวออฟฟิศหรือคนที่โดนแดดน้อย ใช้ SPF 15 ก็เพียงพอ 

  • หากต้องทำงานกลางแจ้ง หรือออกแดดบ่อย ๆ ควรใช้ SPF 30 ขึ้นไป 

  • สำหรับทริปทะเล หรือกิจกรรมกลางแจ้งหนัก ๆ ควรเลือก SPF 30+ และอย่าลืมทาซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมง 

 

Previous
Previous

6 ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก 

Next
Next

แอปเปิลไซเดอร์กับ 10 ประโยชน์ด้านความงามที่สาวๆ ห้ามพลาด