6 ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารถูกแชร์กันอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย บางครั้งเราอาจเผลอเชื่อเรื่องผิด ๆ เกี่ยวกับการลดน้ำหนักโดยไม่ทันตรวจสอบ วันนี้เรามาดู 6 ความเชื่อผิด ๆ ที่มักเจอในโลกออนไลน์กันครับ
ความเชื่อที่ 1: มะนาวดองน้ำผึ้งช่วย “ทะลายพุง” และลดไขมันในเส้นเลือดได้จริงหรือ?
มีคนแชร์สูตรมะนาวดองน้ำผึ้งว่าเป็นตัวช่วยลดน้ำหนักและไขมัน แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้ว มะนาวผสมน้ำผึ้งช่วยดีท็อกซ์และช่วยย่อยอาหารได้เล็กน้อยเท่านั้น แนะนำให้บีบน้ำมะนาว 1 ช้อนชาผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มกับน้ำอุ่นหลังตื่นนอนหรือตอนท้องว่าง เพื่อช่วยระบบย่อยและลดความหิวในระดับเล็กน้อย แต่ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักมหัศจรรย์นะครับ
ความเชื่อที่ 2: งดอาหารเช้าช่วยลดน้ำหนักได้ดี
จริง ๆ แล้วการงดมื้อไหนก็ได้เพื่อลดพลังงานรวมต่อวัน แต่การงดมื้อเช้ามักทำให้หิวมากตอนเที่ยงและเย็น ส่งผลให้อดอาหารหรือกินเกินไปในมื้อหลัง ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มได้ นอกจากนี้ การอดอาหารติดต่อกันทำให้ระบบเผาผลาญช้าลง และเกิด “โยโย่เอฟเฟ็กต์” ที่น้ำหนักขึ้นเร็วกว่าเดิมเมื่อกลับมากินปกติ
ความเชื่อที่ 3: กินเนื้อสัตว์ไม่อ้วน เพราะเป็นโปรตีน
จริง ๆ แล้วเนื้อสัตว์ไม่ได้มีแต่โปรตีนเพียว ๆ แต่มีไขมันแทรกอยู่ด้วย โดยเฉพาะเนื้อลายหินอ่อนที่มีไขมันสูง หากต้องการลดน้ำหนักควรเลือกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้ออกไก่ต้ม ไข่ขาว หรือ นมไร้ไขมัน เพื่อเพิ่มโปรตีนโดยไม่เพิ่มไขมัน
ความเชื่อที่ 4: ดื่มน้ำเยอะไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก
น้ำเปล่าไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักโดยตรง แต่การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยลดความอยากดื่มน้ำหวานหรือเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูงได้ ซึ่งช่วยลดพลังงานที่รับเข้าสู่ร่างกายได้ นอกจากนี้ยังช่วยระบบย่อยอาหารและสุขภาพโดยรวมอีกด้วย ใครไม่ชอบน้ำเปล่าลองใส่มะนาวหรือใบสะระแหน่สด เติมโซดานิดหน่อย ก็เพิ่มความสดชื่นแทนน้ำอัดลมได้ดีครับ
ความเชื่อที่ 5: กินเร็วหรือช้า ไม่ส่งผลต่อการลดน้ำหนัก
ความจริงแล้วการกินช้า ๆ และเคี้ยวอาหารให้ละเอียดช่วยให้สมองรับรู้สัญญาณอิ่มได้ดีขึ้น เราจึงกินอาหารได้น้อยลง และยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ลดโอกาสกินเกินความจำเป็น
ความเชื่อที่ 6: ไม่จำเป็นต้องนับแคลอรีตอนลดน้ำหนัก
การรู้จักประมาณพลังงานที่ได้รับจากอาหารมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะกับคนเริ่มลดน้ำหนัก การคำนวณค่า BMR (พลังงานที่ร่างกายใช้ขณะพัก) และพลังงานที่ใช้ในกิจกรรมประจำวัน จะช่วยให้เรารู้ว่าควรกินเท่าไรเพื่อไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีแอพฯ นับแคลอรีฟรี เช่น “Calorie Counter and Diet Tracker” หรือแอพฯ ภาษาไทยอย่าง “จด Calorie” และ “แคลอรี ไดอารี่” ที่ช่วยให้ติดตามการกินได้ง่ายขึ้น แต่การนับแคลอรีต้องควบคู่กับการออกกำลังกายเพื่อให้เห็นผลที่ดีครับ

