Vitiligo(โรคด่างขาว)
เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเซลล์เม็ดสี (Melanocyte) ถูกทำลายทำให้เกิดเป็นรอยด่างของผิวหนัง พบได้ 1% ของประชากรทั่วไป เราเชื่อว่าสาเหตุการทำลายเซลล์เม็ดสี อาจเกิดได้จากการผิดปกติของขบวนการสร้างเซลล์เม็ดสี ทำให้เกิดการสะสมของสารบางชนิดที่มีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์เม็ดสีได้ หรืออาจเกิดจากการสร้างภูมิต้านทานที่ผิดปกติทำให้เกิดการทำลายเซลล์เม็ดสีของตนเองขึ้น
ส่วนใหญ่ของผู้ที่มีอาการด่างขาวจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงปกติ แต่ด่างขาวอาจพบร่วมกับคนที่เป็นไทรอยด์, เบาหวาน หรืออาจมีบุคคลอื่นในครอบครัวเป็นด่างขาวได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังอาจพบในผู้ที่เป็นโรค PERNICIOUS ANEMIA, ADDISON’S DISEAE, ALOPECIA AREATA ได้อีกด้วย
อาการแสดง
ด่างขาวสามารถเกิดได้ทุกแห่งในร่างกายของเรา ทั้งบริเวณหน้า ริมฝีปาก หนังตา อวัยวะเพศ และปลายมือปลายเท้า ถ้าเกิดบริเวณที่มีผมหรือขน ก็จะทำให้ผมหรือขนบริเวณนั้นขาวไปด้วย
การรักษา
เพื่อกระตุ้นให้สีผิวบริเวณนั้น กลับคืนมาปกติสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้
ยาทา เช่น กลุ่ม Steroid, กลุ่ม Psoralen ซึ่งต้องใช้ร่วมกับการตากแดดหรือฉายแสง UVA ร่วมด้วย, กลุ่ม Calciportiol, กลุ่ม Immunomodulators เช่น Tacrolimus
ยารับประทาน เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นด่างขาวบริเวณกว้าง จะใช้ยากลุ่ม PSORALEN ร่วมกับการฉายแสง UVA จึงจะได้ผลดี
การฉายแสง UVA เป็นการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด แต่จะต้องทำการรักษาต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 ปี เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีด่างขาว บริเวณกว้าง, ด่างขาวบริเวณรอบปากและปลายมือปลายเท้า
การปลูกถ่ายเซลล์เม็ดสี (Autologous Melanocytes Transplantation)
เป็นการรักษาที่สามารถทำในบริเวณที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น หรือใช้ร่วมกับการรักษาด้วยแสง Ultraviolet
การดูแลตนเอง
โรคด่างขาว ไม่มีอันตราย ไม่ติดต่อ ปัญหาอยู่ที่ความสวยงามในกรณีที่เป็นไม่มาก หรือเป็นบริเวณที่ปกปิดใต้เสื้อผ้า อาจไม่ต้องทำการรักษา ส่วนผู้ที่เป็นบริเวณใบหน้า, คอ, แขน และหลังมือ อาจใช้เครื่องสำอางช่วยในการปกปิดได้ สิ่งสำคัญคือ การหลีกเลี่ยงแดด และใช้ครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้ง UVB และ UVA เป็นประจำ เนื่องจากเซลล์เม็ดสีที่ลดลงทำให้ผิวหนังบริเวณที่เป็นด่างขาวได้รับอันตรายจากแสงแดดได้ง่ายขึ้นกว่าปกติ