สิวที่หลัง รักษายังไง?

บางคนไม่เคยเป็นสิวที่หลังมาก่อน ตอนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็ไม่เป็น แต่พอเริ่มอายุมากขึ้นกลับมีสิวที่หลัง ทำให้เกิดความตื่นตระหนกกับเจ้าของแผ่นหลัง เนื่องจากไม่เคยคาดคิดว่าหลังจะเป็นสิวได้ แถมบางคนไม่ทราบว่านั่นคือ สิว นึกว่าเป็นผื่น เลยไปซื้อยาสเตียรอยด์แก้ผื่นมาทา กลายเป็นว่ายิ่งทำให้สิวนั้นเบ่งบาน จนตกใจไปยิ่งกว่าเดิม

คนที่เป็นสิวที่หลังมักจะสงสัยกันมากว่า ที่หลังเป็นสิวได้อย่างไร ไม่ใช่หน้าสักหน่อย จริงๆ แล้วบริเวณที่มีสิวได้ เริ่มตั้งแต่จากบริเวณหน้าอก ไปถึงคอ หู หน้า จนถึงหนังศีรษะและแผ่นหลังเลยค่ะ เนื่องจากบริเวณเหล่านี้ มีต่อมไขมันขนาดใหญ่ ทำให้ง่ายต่อการเกิดสิว

สาเหตุของสิวที่หลังก็เหมือนกับสิวที่ใบหน้าค่ะ นั่นก็เพราะ ฮอร์โมนและเครื่องสำอาง ถ้าเป็นเพราะฮอร์โมน มักจะเริ่มทำให้เป็นสิวตั้งแต่เข้าวัยรุ่น และจะหายไปเมื่อระดับฮอร์โมนคงที่มากขึ้น คือ ตอนอายุประมาณ 25ปีขึ้นไป ซึ่งช่วงที่เป็นนั้นก็จะมีสิวเห่อบ้าง ยุบบ้าง แล้วแต่ภาวะของฮอร์โมนในแต่ละช่วงค่ะ

ส่วนสิวจากเครื่องสำอาง เกิดจากสารก่อสิวที่มาสัมผัสโดยการใช้กับหลังโดยตรง เช่น น้ำมันทาผิว ครีมอาบน้ำที่มีความเข้มข้น หรืออาจเป็นสารที่ใช้กับบริเวณอื่นแล้วไหลมาสัมผัสกับหลัง มักพบร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ดูแลผมและหนังศีรษะ เช่น แชมพูสระผม (ซึ่งอาจจะเกิดร่วมกันกับสิวที่หน้าผากและไรผม) น้ำมันใส่ผม (มักพบบริเวณคอและไรผม ที่น้ำมันไปสัมผัสด้วย) ยาที่รับประทานบางกลุ่มก็ก่อให้เกิดสิวที่หลังได้ เช่น ยาเสตียรอยด์ ยากันชักบางตัว ยาต้านเชื้อวัณโรค ลิเธียม (ยาจิตเวช) ส่วนยาทา พวกกลุ่มทาแก้ผื่นผิวหนังอักเสบ ที่เป็นสเตียรอยด์ก็ก่อให้เกิดสิวที่หลังได้บ่อยๆ ซึ่งหมอพบกรณีแบบนี้เป็นประจำ ทั้งที่เป็นผื่นแล้วต้องทายาเสตียรอยด์ แล้วเกิดสิวตามมา และเป็นสิวที่หลังอยู่เล็กน้อยแต่เข้าใจผิด นึกว่าเป็นผื่น แล้วใช้เสตียรอยด์ทา สิวที่มีก็จะยิ่งเติบโตเบ่งบาน เร็วจนน่าตกใจ

ลักษณะและอาการของสิวที่หลังที่มักพบในประเทศไทย คือ เป็นสิวผดเม็ดเล็กๆ มีบางรายก็จะเป็นสิวอักเสบเม็ดใหญ่เหมือนสิวที่หน้า หรือพบทั้งสองแบบอยู่ปนกันก็ได้

การรักษามีสองข้อที่ต้องทำค่ะ เริ่มจากต้องประเมินสาเหตุก่อน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้กลับเป็นซ้ำ และต่อมาก็เป็นขั้นตอนรักษาสิว เพื่อให้สิวยุบ หายอักเสบเร็วๆ เพราะแผลเป็นสิวที่หลังนั้น รักษายากกว่าที่หน้ามาก การรักษาสิวที่กำลังอักเสบ จะใช้ยารับประทานและยาทาเหมือนที่หน้า แต่ยาทาที่หลัง มักจะทำมาเป็นพิเศษในรูปแบบที่เป็นน้ำ เพื่อให้สะดวกในการทา และความเข้มข้นสูงกว่าที่ใช้สำหรับหน้า ยาน้ำกลุ่มนี้ดูเผินๆ คล้ายคาลาไมน์ แต่ที่จริงเป็นยาคนละอย่างกันเลยนะคะ ดังนั้นคนที่ใช้คาลาไมน์ทาสิวที่หลัง สิวจึงไม่หายเสียที

การแยกโรคนั้นมีความสำคัญมากค่ะ เพราะหากวินิจฉัยไม่ตรงจุด ยาที่ใช้โรคหนึ่ง ก็จะทำให้อีกโรคหนึ่งเกิดอาการกำเริบมากและรักษายากขึ้น โรคที่มักจะสับสนกับสิวที่หลัง ได้แก่ ผื่นผิวหนังอักเสบ ขนคุด แผลเป็นเก่าสีขาวเล็กๆ ที่เกิดจากสิว เป็นต้น แต่กรณีที่มีรักษาที่ต้องระวังในการใช้ยามากๆ คือ เมื่อคนไข้มีทั้งสิวที่หลังและผื่นที่หลังพร้อมกัน เพราะการใช้ยาของโรคหนึ่งจะทำให้อีกโรคเห่อขึ้นมาก จึงต้องคอยเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ดังนั้น ไม่ควรซื้อรักษาเอง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังดีกว่านะคะ.

Previous
Previous

Sunscreen (ครีมกันแดด)

Next
Next

prickly heat (ผดร้อน)