Keloid Scar(คีลอยด์)
คีลอยด์ (Keloid) คืออะไร?
คีลอยด์คือแผลเป็นชนิดหนึ่งที่มีลักษณะนูนและขยายใหญ่กว่าขนาดของแผลเดิม เกิดจากการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อที่มากเกินไป โดยส่วนใหญ่จะเกิดหลังจากแผลหายดีแล้ว แต่คีลอยด์ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาจทำให้รู้สึกเจ็บ คัน หรือมีผลต่อความสวยงามได้
ทำไมจึงเกิดแผลเป็นนูน (คีลอยด์)?
การเกิดคีลอยด์ยังไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น พันธุกรรม, เชื้อชาติ, และ อายุ บางคนอาจจะมีความเสี่ยงสูงในการเกิดแผลเป็นนูน หากแผลหายช้าหรือมีการเกิดแผลหลังจากการบาดเจ็บ เช่น แผลไฟไหม้, น้ำร้อนลวก, หรือแผลที่หายช้าเกิน 3 สัปดาห์
ส่วนใหญ่พบคีลอยด์ที่บริเวณ หน้าอก, หัวไหล่, หลัง, ลำคอ, และ ติ่งหู
อาการของคีลอยด์
1.นูนขึ้นจากผิวหนัง: คีลอยด์จะขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป
2.ลักษณะมันเงา: ผิวของคีลอยด์มักจะไม่มีขนขึ้น
3.สีแดงหรือม่วง: ในระยะแรกอาจมีสีแดงหรือม่วง ก่อนที่จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีคล้ำ
4.สัมผัสแล้วแข็ง: รู้สึกเหมือนยางเมื่อสัมผัส
5.เจ็บหรือคัน: บางครั้งอาจมีอาการเจ็บ, คัน, หรือแสบร้อน
6.เสียดสีหรือสัมผัสทำให้ระคายเคือง: บริเวณที่คีลอยด์อาจเกิดความรู้สึกคันหรือเจ็บเมื่อสัมผัสกับเสื้อผ้า
7.สีคล้ำเมื่อเจอแสงแดด: คีลอยด์อาจมีสีคล้ำลงเมื่อถูกแสงแดดและอาจจะไม่กลับไปเป็นสีเดิม
การตรวจและรักษาคีลอยด์
หากคุณสังเกตเห็นว่าแผลเริ่มนูนหรือมีอาการแปลก ๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาอย่างถูกวิธีโดยเร็ว การรักษาคีลอยด์จะได้ผลดีมากขึ้นหากทำในระยะแรก ๆ เมื่อแผลยังเล็ก
1.การฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์: แพทย์อาจฉีดยาเข้าไปที่แผลเพื่อช่วยให้คีลอยด์นิ่มลงและขนาดเล็กลง
2.การผ่าตัด: ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดร่วมกับการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ
3.การใช้เลเซอร์หรือการจี้: ช่วยในการลดขนาดหรือสีของคีลอยด์
4.การใช้เจลซิลิคอน: ใช้ในการป้องกันการเกิดคีลอยด์ใหม่หรือบรรเทาอาการของคีลอยด์ที่มีอยู่
การรักษาและวิธีการรักษาจะแตกต่างกันตามลักษณะของคีลอยด์และดุลยพินิจของแพทย์

