แผลคีลอยด์เกิดจากอะไร?

คีลอยด์(keloid) คือ แผลเป็นชนิดหนึ่งที่มีลักษณะนูนและขนาดขยายใหญ่กว่ารอยแผลที่เกิดขึ้น เกิดจากภาวะเนื้อเยื่อเจริญเติบโตเกินปกติ เห็นเป็นเนื้อนูนหนาในบริเวณ ที่เคยเป็นแผลต่างๆโดยจะเกิดหลังจากแผลเหล่านั้นหายดีแล้ว พบได้บ่อยมากทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ตั้งแต่เด็จนถึงผู้สูงอายุ แม้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ แต่ก็อาจทำให้รู้สึกเจ็บ คัน ระคายเคือง หรือส่งผลด้านความสวยงามได้ 

ทำไมจึงเกิดแผลเป็นนูน? 

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เชื่อว่ามีปัจจัยจากพันธุกรรม เชื้อชาติ แล้วก็อายุ ส่วนใหญ่พบแถวบริเวรหัวไหล่ และหน้าอกส่วนบน ซึ่งเกิดหลังจากเป็นแผล เช่น แผลจากไฟไหม้น้ำร้อนลวก รวมถึงแผลที่หายช้าเกิน 3 สัปดาห์ขึ้นไป ก็มีโอกาสเกิดแผลเป็นนูนได้สูงขึ้น 

อาการของคีลอยด์ 

คีลอยด์สามารถเกิดขึ้นที่บนร่างกายบริเวณใดก็ตาม แต่ส่วนที่มีแนวโน้มการเกิดคีลอยด์มากกว่าบริเวรอื่นๆได้แก่ หน้าอก หัวไหล่ หลัง ลำคอ และติ่งหู โดยอาจมีลักษณะที่สังเกตได้ดังต่อไปนี้ 

1.เป็นก้อนนูนขึ้นมาจากผิวหนัง โดยจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป 

2.ลักษณะเป็นมันเงา ไม่มีขนขึ้นบนคีลอยด์ 

3.ในช่วงแรกอาจมีสีแดงหรือม่วง ก่อนที่จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีคล้ำหรือซีดลง 

4.เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกแข็งคล้ายยาง 

5.ไม่ทำให้รุ้สึกเจ็บ แต่บางคนก็อาจมีอาการเจ็บ ฟกช้ำ คัน แสบร้อน หรือส่งผลให้เคลื่อนไหวลำบากได้ หากเป็นบริเวณข้อต่อ 

6.เมื่อสัมผัสหรือเสียดสีกับเสื้อผ้าอาจเกิดความละคายเคือง คัน หรือรู้สึกเจ็บ 

7.คีลอยด์อาจคงอยุ่เป้นเวลาหลายปี และบางครั้งก็ใช้เวลานานเป็นเดือนหรือเป็นปีกว่าจะก่อตัวขึ้นมา 

8.เมื่อถูกแสงแดดอาจมีสีคล้ำลงกว่าผิวบริเวณรอบๆและเป็นไปได้ว่าสีคล้ำอาจไม่หายไป 

ตรวจและรักษาคีลอยด์อย่างไร? 

ควรรีบพบแพทย์แต่เนิ่นๆ ถ้าหากเกิดแผลเป็นนูน เพราะผลการรักษาจะตอบสนองได้ดีมากกว่า ขณะแผลยังมีขนาดเล็ก โดยแพทย์จะรักษาด้วยการฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) เข้าไปที่แผลเป็นนูนหนาซึ่งจะมีการนัดฉีดหลายครั้ง ความถี่ขึ้นกับขนาด ซึ่งจะทำให้บริเวณที่เป็นอ่อนนุ่มลงและขนาดเล็กลง 

นอกจากนี้ยังมีการใช้ยาฉีดชนิดอื่นๆขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ หรือบางกรณีอาจมีการผ่าตัดร่วมกับฉีด หรือใช้การจี้ เลเซอร์ และใช้เจลซิลิการ่วมด้วย 

Previous
Previous

ว่านหางจระเข้

Next
Next

อาหารชะลอความแก่