Melasma(ฝ้า)

เป็นความผิดปกติของผิวหนัง ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสี (Melanocutes) ซึ่งสร้างเม็ดสีมากเกินไป ทำให้เกิดเป็นรอยคล้ำเป็นแผ่นหรือเป็นวงสีน้ำตาล มีขอบเขตชัดเจน บริเวณที่โดนแสงแดดมากเป็นพิเศษก็จะเกิดฝ้าได้ง่าย เช่น บริเวณจมูก, โหนกแก้ม, หน้าผาก และหนวด หรืออาจกระจายอยู่เกือบทั่วหน้าก็ได้ พบมากในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เท่ากับ 13:1 พบมากในวัยกลางคน อายุประมาณ 30-40 ปี

สาเหตุ

แสงแดด แสง Ultraviolet เป็นสาเหตุสำคัญที่กนะตุ้นการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์เม็ดสี ยิ่งโดนแดดมากหรือเป็นเวลานานๆ ก็ยิ่งทำให้ฝ้าเข้มขึ้น

พันธุกรรม พบได้ร้อยละ 30-50 ถ้ามีประวัติคนในครอบครัวเป็นฝ้าก็จะมีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดฝ้าได้มากกว่าคนปกติ

ฮอร์โมน ไม่ว่าจะเป็ฯปริมาณฮอร์โมน ที่เพิ่มขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ ยาเม็ดคุมกำเนิด หรือฮอรืโมนทดแทนในวัยทอง ก็สามารถกระตุ้นการเกิดฝ้าได้

ยารับประทานบางชนิด เช่น ยากันชัก,ยากลุ่ม Phototoxic,Photoallerqic drugs.

การรักษา ยาทากลุ่ม Hydroquinone,Tretinoin Cream,Azelaic Cream, Kojic Acid, Arbutin, Licorice

การทานวิตามิน ที่เป็น Antiozidant เช่น Vitamin A และวิตามิน E เพื่อลดความหมองคล้ำที่เกิดจากแสงแดด

การทำ OXYJET PEEL ร่วมกับ DERMOELECTRO PORESION (DEEP) เพื่อผลักวิตามินเข้าสู่ผิวไปริเวณที่เป็ฯฝ้าเพื่อลดการทำงานของเซลล์เม็ดสีทำให้ฝ้าจางลงได้ นับเป็นวิธีที่ได้ผลและปลอดภัย

การดูแลตนเอง

1. หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน นอกจากการใช้ครีมกันแดดที่มี SPF มากกว่า 50 และสามารถกันได้ทั้ง UVA และ UVB แล้ว ควรหลีกเลี่ยงความร้อนด้วย, การ Sauna , อบไอน้ำ, โยคะร้อน ล้วนมีส่วนกระตุ้น

2. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุ เช่น การรับประทานฮอร์โมน หรือยา รวมทั้งเครื่องสำอางบางชนิด

3. เป็นเรื่องน่าแปลกใจมาก จากการศึกษาวิจัยพบว่า ครีมกันแดดเป็นสารที่ทำให้เกิดการแพ้แดดได้มากที่สุด ดังนั้น การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธี

Previous
Previous

Seborrheic Dermatitis(โรคเซ็บเดิร์ม)

Next
Next

"Is it harmful to the baby if a pregnant woman drinks coffee?"