Seborrheic Dermatitis(โรคเซ็บเดิร์ม)
ต่อมไขมันอักเสบคืออะไร?
ต่อมไขมันอักเสบ (Seborrheic Dermatitis) หรือเรียกสั้นๆว่า “โรคเซ็บเดิร์ม” ลักษณะเป็นผื่นแดงมีขุยสะเก็ดสีเหลืองที่ศีรษะ และผิวหนังในบริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก เช่น ใบหน้า หลังหู คิ้ว หนังตา มักพบบ่อยในเด็กอายุ 3-12 สัปดาห์ และผู้ใหญ่ช่วงอายุ 40-70 ปี โรคเซ็บเดิร์ม เป็นโรคที่มีภาวะผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมันในชั้นผิวหนัง ถือเป็นโรคเรื้อรัง ที่มีสาเหตุหลายอย่างด้วยกัน เช่น ระดับของฮอร์โมนแปรปรวน หรือจากเชื้อยีสต์ เชื้อราบางตัว รวมถึงจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และส่งผลต่อชีวิตประจำวัน โดยจะส่งผลต่อจิตใจโดยตรง ทำให้ขาดความมั่นใจจากโรคผิวหนังเรื้อรัง ทั้งนี้การทำความเข้าใจต่อตัวโรค รวมถึงการควบคุมก็มีส่วนในการรักษา
โรคเซ็บเดิร์ม เกิดจากสาเหตุอะไร?
โรคเซ็บเดิร์มเป็นโรคผิวหนังอักเสบที่ไม่ใช่โรคติดต่อและไม่ได้เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ ซึ่งนั่นหมายความว่าหากมีการสัมผัสผิวหนังคนที่เป็นโรคเซ็บเดิร์ม ก็จะไม่สามารถติดต่อกันได้ ทางการแพทย์ยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุของโรคได้อย่างแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยประกอบกัน ได้แก่ พันธุกรรม ความเครียด เชื้อราที่อาศัยอยู่บนผิวหนัง สภาพอากาศที่เย็นและแห้ง และภาวะแทรกซ้อนจากโรคบางชนิด รวมทั้งการใช้ยารักษาโรค หรืออาจเกิดจากปฏิกิริยาต่อการเพิ่มจำนวนของเชื้อพิไทโรสโพรัมโอวาเล (Pityrosporum Ovale)
อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการเกิดเซ็บเดิร์มไม่ได้มาจากการไม่รักษาความสะอาดหรืออาการภูมิแพ้แต่อย่างใด โดยมีโอกาสเกิดกับทารกแรกเกิดและผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 30-60 ปี ได้มากกว่าวัยอื่นๆและยังพบในเพศชายได้บ่อยกว่าเพศหญิง รวมถึงผู้ที่มีผิวมัน นอกจากนี้การเจ็บป่วยจากโรคหรือภาวะใดๆต่อไปนี้ก็เป็นอีกปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดเซ็บเดิร์ม
1.โรคเกี่ยวกับระบบประสาทและดรคทางจิต เช่น โรคพาร์กินสัน และภาวะซึมเศร้า
2.ระบบภุมิคุ้มกันร่างกายที่อ่อนแอลง เช่น ผู้ที่รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี โรคตับอ่อนอักเสบ พิษสุราเรื้อรัง และมะเร็งบางชนิด
3.โรคเกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อที่เป็นสาเหตุของโรคอ้วน เช่น เบาหวาน
4.โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ภาวะหัวใจล้มเหลว
5.โรคการกินผิดปกติ
6.โรคลมชัก
7.โรคผิวหนังอักเสบโรซาเนีย
8.โรคสะเก็ดเงิน
9.สิว
10.ยารักษาโรคบางชนิด
11.การเกา ครูดข่วน หรือการได้รับบาดเจ็บของผิวหน้า
12.ติดสุรา
โดยวิธีการป้องกันโรคดังกล่าวคือหลีกเลี่ยงภาวะที่ทำให้เกิดเซ็บเดิร์ม เช่น หลีกเลี่ยงอากาศที่ร้อนจัด หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หลีเลี่ยงสภาวะความเครียด และควรพักผ่อนให้เพียงพอ รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด ที่กระตุ้นให้เกิดเซ็บเดิร์มได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโรคนี้ไม่สามารถสามารถป้องกันได้ 100%
การรักษาโรคเซ็บเดิร์ม
1.ใช้น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกทานวดทิ้งไว้ แล้วล้างออกเพื่อลดสะเก็ดที่ศีรษะ
2.ถ้าเป็นมากให้ใช้ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์อ่อ่นที่สุด กรณีมีผื่นที่ศีรษะใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของตัวยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole),ซิงก์ ไพริทิโอน (Zinc Pyrithione),ซีลีเนียมซัลไฟด์ (Selenium Sulfide),กรดซาลิซีลิก(Salicylic Acid),อิมิดาโซล (Imidazole) หรือน้ำมันดิน (Coal Tar) ส่วนใหญ่จะช่วยให้ผื่นดีขึ้น
3.การรับประทานยาต้านเชื้อรา มักใช้ในรายที่เป็นมาก และไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นเพราะอาจมีผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ค่ะ